Logo-DRC-Clinic

ประกาศเกี่ยวกับความเป็นส่วนตัว (สำหรับบุคคลภายนอก)

บริษัท หมอหนูปอนด์ จำกัด และบริษัทในเครือ รวมถึงบุคคลที่เกี่ยวข้องกับการประมวลผลข้อมูล ส่วนบุคคลตามคำสั่งหรือในนามของบริษัท หมอหนูปอนด์ จำกัด ซึ่งต่อไปนี้จะเรียกรวมว่า “บริษัท” มุ่งมั่นที่จะปกป้องความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้บริการ คู่ค้า พันธมิตรทางธุรกิจ (เรียกรวมกันว่า “ท่าน” หรือ “เจ้าของข้อมูล”) ไม่ว่าจะเป็นการเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผย (เรียกรวมกันว่า “การประมวลผลข้อมูล”) เพื่อให้เป็นไปตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 บริษัท จึงออกประกาศฉบับนี้ขึ้น เพื่อแจ้งข้อมูลให้แก่ผู้ใช้บริการอันเกี่ยวกับ สิทธิและหน้าที่ ตลอดจนเงื่อนไขต่าง ๆ ในการเก็บรวมรวบใช้และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล ดังนี้

ข้อมูลส่วนบุคคล

ข้อมูลส่วนบุคคล” หมายถึง ข้อมูลเกี่ยวกับบุคคลซึ่งทำให้สามารถระบุตัวบุคคลนั้นได้ ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม แต่ไม่รวมถึงข้อมูลของผู้ถึงแก่กรรม

ข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทเก็บรวบรวม

ในการเก็บรวบรวม และเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคล บริษัทจะใช้วิธีการที่ชอบด้วยกฎหมายและจำกัด เพียงเท่าที่จำเป็นตามวัตถุประสงค์การดำเนินงานของบริษัทอันประกอบด้วย
  1. ข้อมูลส่วนตัว เช่น ชื่อ-นามสกุล, อายุ, วันเดือนปีเกิด, เพศ, สัญชาติ, เลขประจำตัวประชาชน,เลขประจำตัวผู้เสียภาษี, เลขที่หนังสือเดินทาง, เลขใบขับขี่, ลายมือชื่อ, สถานภาพสมรส, ตำแหน่ง, อาชีพ,วุฒิการศึกษา, ประวัติการทำงาน หรือเอกสารราชการอื่น ๆ ที่สามารถระบุตัวตนได้ เป็นต้น
  2. ข้อมูลสำหรับการติดต่อ เช่น ที่อยู่, หมายเลขโทรศัพท์, อีเมล บัญชี Social media เป็นต้น
  3. ข้อมูลเอกสารทางราชการ เช่น สำเนาบัตรประชาชน, สำเนาทะเบียนบ้าน, สำเนาหนังสือเดินทาง, เลขที่ใบต่างด้าว, สำเนาทะเบียนสมรส เป็นต้น
  4. ข้อมูลทางการเงิน เช่น สำเนาหน้าบัญชีธนาคาร, หมายเลขบัญชีธนาคาร, ข้อมูลเลขบัตรเครดิต, หลักฐานการชำระเงิน, สำเนารายการเดินบัญชีเงินฝากธนาคาร, ข้อมูลช่องทางการชำระเงิน, ข้อมูลที่เกี่ยวกับ
    การชำระหนี้ เป็นต้น
  5. ข้อมูลที่ได้จากเก็บรวบรวมของบริษัทหรือระบบอัตโนมัติจากอุปกรณ์ต่างๆ ของบริษัท เช่น หมายเลข IP Address, คุกกี้ (Cookie), พฤติกรรมการใช้บริการ, ประวัติการใช้บริการ, ข้อมูลการสั่งซื้อ, เสียง, ภาพถ่าย, ภาพเคลื่อนไหว, ชื่อบัญชี Social Media , Chat , Geolocation เป็นต้น
ในกรณีที่ข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทเก็บรวบรวมเพื่อวัตถุประสงค์ข้างต้นเป็นข้อมูลที่จำเป็นในการปฏิบัติ ตามสัญญาหรือการปฏิบัติตามกฎหมายต่างๆ ที่ใช้บังคับ หากท่านไม่ให้ข้อมูลส่วนบุคคลที่จำเป็นดังกล่าว บริษัท อาจไม่สามารถพิจารณาเข้าทำธุรกรรม หรือบริหารจัดการตามสัญญากับท่านได้ (ตามแต่กรณี)
โดยบริษัทจะดำเนินการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลเมื่อได้รับความยินยอมจากเจ้าของข้อมูลส่วน บุคคลก่อน ยกเว้นในกรณีดังต่อไปนี้
  1. เพื่อปฏิบัติตามสัญญา กรณีการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อความจำเป็นต่อการ
    ให้บริการหรือปฏิบัติตามสัญญาระหว่างเจ้าของข้อมูล และบริษัท
  2. เพื่อป้องกันหรือระงับอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย หรือสุขภาพ
  3. เพื่อปฏิบัติตามกฎหมาย
  4. เพื่อผลประโยชน์อันชอบโดยกฎหมายของบริษัท กรณีมีความจำเป็นเพื่อประโยชน์อันชอบธรรมในการดำเนินงานของบริษัท โดยบริษัทจะพิจารณาถึงสิทธิของเจ้าของข้อมูลเป็นสำคัญ เช่น เพื่อป้องกันการฉ้อโกง การรักษาความปลอดภัยในระบบเครือข่าย การปกป้องสิทธิเสรีภาพ และประโยชน์ของเจ้าของข้อมูลเป็นต้น
  5. เพื่อการศึกษาวิจัยหรือสถิติ กรณีที่มีการจัดทำเอกสารประวัติศาสตร์หรือจดหมายเหตุเพื่อประโยชน์สาธารณะหรือที่เกี่ยวกับการศึกษาวิจัยหรือสถิติซึ่งได้จัดให้มีมาตรการปกป้องที่เหมาะสมเพื่อคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพของเจ้าของข้อมูล
  6. เพื่อปฏิบัติภารกิจของรัฐ กรณีมีความจำเป็นต่อการปฏิบัติตามภารกิจเพื่อประโยชน์สาธารณะหรือการปฏิบัติหน้าที่ตามอำนาจรัฐที่บริษัทได้รับมอบหมาย

ข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความอ่อนไหว

บริษัทอาจจำเป็นต้องเก็บรวบรวมข้อมูลที่มีความอ่อนไหว เช่น เชื้อชาติ ข้อมูลทางการแพทย์ ข้อมูลความพิการ ศาสนา ข้อมูลชีวภาพ โดยบริษัทจะทำการขอคำยินยอมจากท่านทุกครั้งในการเก็บรวบรวมใช้ และ/หรือเปิดเผย เว้นแต่
  1. เพื่อป้องกันหรือระงับอันตราต่อชีวิต ร่างกาย หรือสุขภาพของบุคคล
  2. เป็นการดำเนินกิจกรรมโดยชอบด้วยกฎหมายที่มีการคุ้มครองที่เหมาะสมของมูลนิธิ สมาคม หรือ องค์กรที่ไม่แสวงหากำไรที่มีวัตถุประสงค์เกี่ยวกับการเมือง ศาสนา ปรัชญา หรือสหภาพแรงงาน ให้แก่สมาชิก ผู้ซึ่งเคยเป็นสมาชิก หรือผู้ซึ่งมีการติดต่ออย่างสม่ำเสมอกับมูลนิธิ สมาคม หรือองค์กร ที่ไม่แสวงหากำไรตาม วัตถุประสงค์ดังกล่าวโดยไม่ได้เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลนั้นออกไปภายนอกมูลนิธิ สมาคม หรือองค์กรที่ไม่แสวงหากำไรนั้น
  3. เป็นข้อมูลที่เปิดเผยต่อสาธารณะด้วยความยินยอมโดยชัดแจ้งของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล
  4. เป็นการจำเป็นเพื่อการก่อตั้งสิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย การปฏิบัติตามหรือการใช้สิทธิเรียกร้องตาม กฎหมาย หรือการยกขึ้นต่อสู้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย
  5. เป็นการจำเป็นในการปฏิบัติตามกฎหมายเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์เกี่ยวกับ
5.1 เวชศาสตร์ป้องกันหรืออาชีวเวชศาสตร์ การประเมินความสามารถในการทำงานของลูกจ้าง การวินิจฉัยโรคทางการแพทย์ การให้บริการด้านสุขภาพหรือด้านสังคม การรักษาทางการแพทย์ การจัดการด้านสุขภาพ หรือระบบการให้บริการด้านสังคมสงเคราะห์
5.2 ประโยชน์ด้านการสาธารณะสุข เช่น การป้องกันด้านสุขภาพจากโรคติดต่ออันตรายหรือโรคระบาด
5.3 การคุ้มครองแรงงาน การประกันสังคม หลักประกันสุขภาพแห่งชาติ สวัสดิการเกี่ยวกับการรักษาพยาบาล ของผู้มีสิทธิตามกฎหมายการคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ หรือการคุ้มครองทางสังคม
5.4 การศึกษาวิจัยทางวิทยาศาสตร์ ประวัติศาสตร์ หรือสถิติ หรือประโยชน์สาธารณะอื่น
5.5 ประโยชน์สาธารณะที่สำคัญ

แหล่งที่มาข้อมูล

  1. ข้อมูลจากเจ้าของข้อมูลโดยตรง ที่ท่านได้ให้ไว้ในกิจกรรมต่าง ๆ เช่น ตอบแบบสอบถาม, สมัครรับข้อมูลข่าวสาร, เข้าร่วมกิจกรรมทางการตลาด ช่องทางเว็บไซต์ แอพพลิเคชั่น หรือช่องทางอื่นของบริษัท, การเข้า – ออก ภายในอาคารของบริษัท, การจัดอบรม, การจัดซื้อจัดจ้าง, การตอบโต้ทางจดหมายอิเล็กทรอนิกส์(e-mail) หรือการกรอก/ให้ข้อมูลผ่านช่องทางการสื่อสารอื่น ๆ ระหว่างบริษัทและท่าน
  2. ข้อมูลจากบุคคลที่สามที่มีความเกี่ยวข้อง เช่น ญาติ, คนในครอบครัว
  3. ข้อมูลจากระบบอัตโนมัติ เช่น ภาพจากกล้องวงจรปิด ข้อมูลจากแอพพลิเคชั่น
  4. ข้อมูลจากแหล่งอื่น เช่น ข้อมูลสาธารณะ ข้อมูลจากหน่วยงานพันธมิตร หน่วยงานราชการ หรือ หน่วยงานใน เครือของบริษัท ตลอดจนข้อมูลส่วนบุคคลอื่น ๆ ที่ผู้ใช้บริการได้มอบไว้ให้

วัตถุประสงค์ในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล

บริษัทอาจนำข้อมูลส่วนบุคคลไปใช้ตามวัตถุประสงค์ดังต่อไปนี้หรือตามวัตถุประสงค์อื่น ๆ ที่แจ้งขณะเก็บรวบรวม ข้อมูลหรือที่ท่านได้ให้ความยินยอมหลังจากบริษัทดำเนินการเก็บข้อมูลไปแล้ว
  1. เพื่อเข้าทำสัญญา หรือปฏิบัติหน้าที่ตามสัญญาระหว่างบริษัทกับเจ้าของข้อมูล หรือปฏิบัติหน้าที่ตามสัญญา ระหว่างบริษัทกับบุคคลภายนอกเพื่อประโยชน์ของเจ้าของข้อมูล
  2. ใช้ข้อมูลในการยืนยันตัวตนของท่าน
  3. เพื่อให้ข้อมูลและแนะนำสินค้า ผลิตภัณฑ์ การบริการ หรือประชาสัมพันธ์ทางการตลาดรายการ ส่งเสริมการขาย หรือสิทธิประโยชน์ผ่านช่องทางการติดต่อที่ได้รับจากเจ้าของข้อมูล
  4. ใช้ข้อมูลสำหรับประเมินวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อเลือกสินค้าให้ตรงกับความต้องการได้อย่างเหมาะสม
  5. เพื่อจัดส่งสินค้าและการให้บริการเพื่อตอบสนองความต้องการหรือข้อร้องเรียนต่าง ๆ
  6. ใช้ข้อมูลสำหรับจัดส่งเอกสารรับรองค่าสายตาให้กับท่าน
  7. ใช้ในการดำเนินกิจการ ประเมินผล และปรับปรุงธุรกิจ เพื่อพัฒนาคุณภาพสินค้าและบริการ
  8. ดำเนินกิจรรมใด ๆ ทางบัญชีและการเงิน เช่น การตรวจสอบบัญชี การแจ้งและเรียกเก็บหนี้ การออกใบกำกับภาษี และหลักฐานการดำเนินธุรกรรมต่าง ๆ ที่กฎหมายกำหนด
  9. เพื่อประโยชน์อันชอบด้วยกฎหมายของบริษัท เช่น การบันทึกเสียงการร้องเรียนผ่านระบบ Call Center การบันทึกภาพผ่านกล้อง CCTV การบันทึก เข้า – ออก ภายในบริษัท
  10. การปฏิบัติตามกฎของบริษัท
  11. ใช้ในการสอบสวนและปฏิบัติตามกฎหมาย ข้อบังคับ หรือหน้าที่ตามกฎหมายของบริษัท
  12. ตอบสนองต่อคำขอของท่าน เช่น การให้บริการหลังการขาย การรับเรื่องร้องเรียน การแก้ไขเปลี่ยนแปลงข้อมูล
  13. อำนวยความสะดวกและนำเสนอรายการสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ แก่ผู้ใช้บริการ
  14. จุดประสงค์ด้านการตลาด การส่งเสริมการขาย และการลูกค้าสัมพันธ์ เช่น การส่งข้อมูลเกี่ยวกับโปรโมชั่น ผลิตภัณฑ์และบริการ รายการส่งเสริมการขาย และธุรกิจพันธมิตร
  15. สำรวจความพึงพอใจของผู้ใช้บริการ วิจัยตลาด และวิเคราะห์ทางสถิติ เพื่อเป็นข้อมูลในการปรับปรุงผลิตภัณฑ์และบริการ หรือสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์และบริการใหม่ๆ
  16. วัตถุประสงค์อื่น ๆ ที่ได้รับคำยินยอมชัดแจ้งจากท่าน

การส่งต่อและเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล

บริษัทจะไม่เปิดเผยและส่งต่อข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไปยังหน่วยงานภายนอก เว้นแต่ได้รับ คำยินยอมชัดแจ้งจากท่าน หรือเป็นไปตามกรณีดังต่อไปนี้
  1. เพื่อบรรลุวัตถุประสงค์ตามที่ระบุในนโยบายความเป็นส่วนตัวฉบับนี้บริษัทอาจำเป็นต้องเปิดเผยหรือแบ่งปันข้อมูลเฉพาะเท่าที่จำเป็นแก่คู่ค้า ผู้ให้บริการ หรือหน่วยงานภายนอก ดังต่อไปนี้
    1.1 ธุรกิจคู่ค้า และธุรกิจพันธมิตร
    1.2 ตัวแทน หรือคู่ค้าที่ให้บริการแก่บริษัท หรือดำเนินการใด ๆ ในฐานะตัวแทนของบริษัท เช่น ผู้ให้บริการขนส่ง,ผู้ให้บริการเก็บและทำลายเอกสาร ผู้รับจ้างทำกิจกรรมทางการตลาด และสื่อโฆษณา ผู้รับจ้างพัฒนาและดูและระบบความปลอดภัยและเทคโนโลยีสารสนเทศ ผู้ตรวจสอบบัญชี ทนายความ ที่ปรึกษากฎหมายหรือภาษี เป็นต้น
    1.3 หุ้นส่วนทางธุรกิจ
    1.4 ธนาคาร และผู้ให้บริการชำระเงิน เช่น บริษัทบัตรเครดิต หรือเดบิต เป็นต้น ทั้งนี้บริษัทจะจัดทำข้อตกลง การประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลตามที่กฎหมายกำหนด
  2. บริษัทอาจเปิดเผยหรือแบ่งปันข้อมูลส่วนบุคคลให้แก่ หน่วยงานภายใต้หรือในเครือของบริษัทโดยจะเป็นการประมวลผลข้อมูลภายใต้วัตถุประสงค์ที่ระบุในนโยบายความเป็นส่วนตัวฉบับนี้เท่านั้น
  3. กฎหมายหรือกระบวนการทางกฎหมายบังคับให้เปิดเผยข้อมูล หรือเปิดเผยต่อเจ้าพนักงาน เจ้าหน้าที่รัฐ หรือหน่วยงานที่มีอำนาจเพื่อปฏิบัติตามคำสั่งหรือคำขอที่ชอบด้วยกฎหมาย

การถ่ายโอนหรือส่งต่อข้อมูลไปยังต่างประเทศ

บริษัทอาจจะส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลไปยังต่างประเทศ โดยจะทำให้แน่ใจว่าประเทศปลายทางหรือหน่วยงานปลายทางมีมาตรฐานและนโยบายในการคุ้มครองความเป็นส่วนตัวที่เพียงพอ

การปกป้องข้อมูลส่วนบุคคล

บริษัทได้จัดทำและ/หรือเลือกใช้ระบบการจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคลให้มีกลไกและเทคนิคที่เหมาะสม พร้อมทั้งมีมาตรการรักษาความมั่นคงปลอดภัยตามกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล และกฎหมายที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งจำกัดการเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลของท่านจากพนักงาน ลูกจ้าง และตัวแทนของบริษัท เพื่อป้องกันไม่ให้ ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านถูกนำไปใช้ เปิดเผยทำลาย หรือเข้าถึงโดยไม่ได้รับอนุญาต

ระยะเวลาในการจัดเก็บข้อมูล

บริษัทจะเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไว้ตลอดระยะเวลาตราบเท่าที่จจำเป็นต่อการประมวลผลตาม วัตถุประสงค์ในนโยบายฉบับนี้เท่านั้น เว้นแต่มีความจำเป็นต้องเก็บข้อมูลส่วนบุคคลไว้ด้วยเหตุอื่นใด เช่น เพื่อปฏิบัติตามกฎหมายหรือการตรวจสอบกรณีการเกิดข้อพิพาท บริษัทอาจมีความจำเป็นต้องเก็บข้อมูลไว้เป็นระยะเวลาเกินกว่าที่ระบุ

การทำลายข้อมูลส่วนบุคคล

เมื่อพ้นกำหนดระยะเวลาในการจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคลตามนโยบายความเป็นส่วนตัว หรือเมื่อมีคำขอใช้สิทธิของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลตามกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล บริษัทจะดำเนินการลบ/ทำลายข้อมูลส่วนบุคคล หรือทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลไม่สามารถระบุตัวตนได้ต่อไป ตามรูปแบบและมาตรฐานการลบทำลายข้อมูลส่วนบุคคล ตามที่กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกำหนดหรือตามมาตรฐานสากลอย่างไรก็ดีในกรณีที่มีข้อพิพาท การใช้สิทธิหรือคดีความอันเกี่ยวข้องกับข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน บริษัทขอสงวนสิทธิในการเก็บรักษาข้อมูลนั้นต่อไปจนกว่าข้อพิพาทนั้นจะได้มีคำสั่งหรือคำพิพากษาถึงที่สุด

การเปลี่ยนแปลงนโยบายความเป็นส่วนตัว

บริษัทอาจแก้ไขเพิ่มเติมนโยบายความเป็นส่วนตัวโดยจะประกาศบนเว็บไซต์ https://drcclinic.com พร้อมระบุวันที่แก้ไขเพิ่มเติมครั้งล่าสุด บริษัทแนะนำให้ท่านตรวจสอบนโยบายนี้เป็นประจำ โดยการที่ท่านใช้ ผลิตภัณฑ์หรือบริการทางเว็บไซต์ของบริษัท ต่อไปหลังจากที่มีการเปลี่ยนแปลงนโยบายความเป็นส่วนตัว จะถือว่าท่านยอมรับนโยบายที่เปลี่ยนแปลงนั้นแล้ว

สิทธิของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล

ท่านสามารถขอใช้สิทธิต่าง ๆ ตามที่กฎหมายกำหนด และตามที่ระบุไว้ในประกาศฉบับนี้ได้ดังต่อไปนี้
  1. สิทธิในการเพิกถอนความยินยอม ท่านมีสิทธิจะถอนความยินยอมเมื่อใดก็ได้ เว้นแต่ มีข้อจำกัดสิทธิโดยกฎหมายหรือสัญญาที่ให้ประโยชน์แก่ท่าน ทั้งนี้ การถอนความยินยอมจะไม่ส่งผลกระทบต่อการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลที่ท่านได้ให้ความยินยอมแก่บริษัทก่อนหน้าแล้วโดยชอบด้วยกฎหมาย
  2. สิทธิในการขอเข้าถึงและขอรับสำเนาข้อมูลส่วนบุคคล เว้นแต่ กรณีที่บริษัทมีสิทธิปฏิเสธคำขอของท่านตามกฎหมายหรือคำสั่งศาล หรือกรณีที่คำขอของท่านจะมีผลกระทบที่อาจก่อให้เกิดความเสียหายต่อสิทธิและเสรีภาพของบุคคลอื่น
  3. สิทธิในการขอแก้ไขข้อมูลบุคคลให้เป็นปัจจุบัน ถูกต้อง สมบูรณ์ และไม่ก่อให้เกิดความเข้าใจผิด ทั้งนี้ การแก้ไขดังกล่าว บริษัทสามารถดำเนินการได้แม้ท่านจะไม่ร้องขอ
  4. สิทธิในการขอลบหรือทำลายหรือทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวบุคคลได้ในกรณีดังต่อไปนี้
    4.1. เมื่อข้อมูลส่วนบุคคลหมดความจำเป็นในเก็บรักษาไว้ตามวัตถุประสงค์ในการเก็บ รวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล
    4.2. เมื่อท่านถอนความยินยอมในการเก็บ รวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลและ บริษัทไม่มีอำนาจตามกฎหมายที่จะเก็บ รวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลต่อไป
    4.3. เมื่อท่านคัดค้านการเก็บ รวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล และบริษัทไม่มีอำนาจ
    ตามกฎหมายที่จะปฏิเสธได้ เว้นแต่ กรณีบริษัทมีเหตุโดยชอบด้วยกฎหมายในการปฏิเสธคำขอของท่าน
  5. สิทธิในการขอรับหรือขอให้ส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ในกรณีที่บริษัทได้ทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลนั้นอยู่ในรูปแบบที่สามารถอ่านหรือใช้งานโดยทั่วไปได้ด้วยเครื่องมือหรืออุปกรณ์ที่ทำงานได้โดยอัตโนมัติและสามารถใช้หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลได้ด้วยวิธีการอัตโนมัติ เว้นแต่ โดยสภาพทางเทคนิคไม่สามารถทำได้ หรือเป็นการปฏิบัติหน้าที่เพื่อประโยชน์สาธารณะหรือเป็นการปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมาย หรือการใช้สิทธิละเมิดต่อสิทธิหรือเสรีภาพของบุคคลอื่น
  6. สิทธิในการขอคัดค้าน ท่านมีสิทธิคัดค้านการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลเมื่อใดก็ได้ ในกรณีดังต่อไปนี้
    6.1. กรณีที่เป็นข้อมูลส่วนบุคคลซึ่งบริษัทดำเนินการภายใต้ฐานประโยชน์ชอบด้วยกฎหมายเว้นแต่บริษัทได้แสดงให้เห็นถึงเหตุอันชอบด้วยกฎหมายที่สำคัญยิ่งกว่า หรือเพื่อก่อตั้งสิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย การปฏิบัติตามหรือการใช้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย หรือการยกขึ้นต่อสู้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย
    6.2. เพื่อวัตถุประวัตถุประสงค์เกี่ยวกับการตลาดแบบตรง
    6.3. เพื่อการศึกษาวิจัยทางวิทยาศาสตร์ ประวัติศาสตร์ หรือสถิติ เว้นแต่ บริษัทมีความจำเป็น
    เพื่อดำเนินภารกิจเพื่อประโยชน์สาธารณะของบริษัท
  7. สิทธิในการขอระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคล ในกรณีดังต่อไปนี้
    7.1. เมื่อบริษัทอยู่ในระหว่างการตรวจสอบตามที่ท่านได้ขอให้แก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลถูกต้อง เป็นปัจจุบัน สมบูรณ์ และไม่ก่อให้เกิดความเข้าใจผิด
    7.2. เมื่อเป็นข้อมูลส่วนบุคคลที่ต้องลบหรือหรือทำลาย
    7.3. เมื่อข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวหมดความจำเป็น เนื่องจากท่านมีความจำเป็นต้องขอให้เก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไว้เพื่อใช้ในการก่อตั้งสิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย การปฏิบัติตามหรือการ ใช้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย หรือการยกขึ้นต่อสู้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย
    7.4. เมื่อบริษัทอยู่ในระหว่างการพิสูจน์สิทธิในการปฏิเสธคำขอการคัดค้านการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล
error: Content is protected !!
Scroll to Top